พวกเราเข้ามาถึงในเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าๆ บรรยากาศกำลังสบายๆ ห้องอาหารที่นี่ค่อนข้างกว้าง เลยมีมุมให้เราเลือกเก็บภาพได้ค่อนข้างหลากหลาย จุดสะดุดตาของพวกเราที่เห็นว่าแตกต่างจากบุฟเฟต์ที่อื่นๆ ก็คือมุมของเด็กๆ ที่จัดไว้แบบเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ สีสันสดใส ลูกโป่งประดิษฐ์ พร้อมอุปกรณ์ให้คุณหนูๆ ได้ลองเล่นกันในรูปแบบต่างๆ และยังมีชุดอาหารพิเศษสำหรับคุณหนูๆ ที่จัดวางไว้พร้อมกับจานชามลายการ์ตูนน่ารักน่าเอ็นดู มีทั้ง เฟรนช์ฟรายด์ ซุปเนื้อ มักกะโรนีครีมซอส เบคอนพันเห็ดเข็มทอง สะเต๊ะไก่ และกุ้งเทมปุระ ขนาดพอดีคำ ที่ผู้ใหญ่อย่างเราลงทุนตักมาชิมกันเลยทีเดียว รสชาติอ่อนๆ ไม่เผ็ดจัดหรือมันจัดจนเกินไป อีกทั้งยังมีซุ้มขนมที่มีวิธีการทำที่น่าตื่นเต้นอย่าง สายไหม และน้ำตาลปั้นสีสดใส รวมถึงมี Workshop ย่อมๆสำหรับสอนทำอาหารง่ายๆ เช่น แพนเค้ก และ พิซซ่า รวมถึงการแต่งหน้าขนมหวานต่างๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจพวกเราเลยเก็บภาพชุดนี้มาไว้ค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ก่อนจะเข้าสู่ Station Sunday Brunch จริงๆของที่นี่กัน

สำหรับรูปแบบของอาหารที่นี่มีค่อนข้างหลากหลาย ด้วยความที่เป็น Sunday Brunch Buffet ทางโรงแรมจึงจัดเมนูอาหารเช้าไว้ให้เลือกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Cereals ยี่ห้อดังหลากหลายชนิด ทานคู่ นมสดหรือโยเกิร์ตก็อร่อยกันคนละแบบ ต่อด้วยเมนูไข่ ที่สามารถจัดทำให้ได้ทุกประเภทตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นไข่ต้ม ไข่ดาว ไข่เจียว ถัดมาเป็นซุ้มเครื่องดื่ม ที่มีให้เลือกตั้งแต่โอวัลตินเย็น ที่รสชาติเข้มข้น หนักไปทางหวาน และ น้ำผลไม้หลากหลายชนิด แต่สำหรับ Highlight ของเครื่องดื่มที่นี่ต้องยกให้ น้ำมะพร้าว ที่จัดมาทั้งลูก รสชาติหอมหวาน เย็นชื่นใจ

เข้าสู่โซนของไลน์อาหารอื่นๆ ซึ่งที่นี่จะมีการเปลี่ยนชนิดของอาหารบางรายการในแต่ละสัปดาห์เพื่อความหลากหลาย เริ่มจากฝั่งเอชียอย่างโซนอาหารญี่ปุ่น ที่มีซูชิหน้าตาน่าทานวางให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ความสดและรสชาติพอสอบผ่าน ถัดมาที่โซนอาหารจีน อย่างกลุ่มติ่มซำ ทั้งขนมจีบ ซาลาเปา และฮะเก๋า ต่อด้วย ซี่โครงหมูตุ๋นยาจีน (Pork spareribs soup) และอาหารที่เราคุ้นเคยกันอย่าง ปอเปี๊ยะผัก (Vegetable Spring Roll) และ หอยจ๊อ (Mince pork and crab meat wrapped in bean curd) รสชาติยังกลางๆ แต่อาหารอุ่นไว้ไม่ร้อนเท่าที่ควร สำหรับอาหารไทยก็ไม่น้อยหน้า มีให้เลือกกันหลากหลาย ตั้งแต่ ผัดบล็อคโคลี่ (Stir Fried Broccoli) ปลากระพงนึ่งมะนาว (Steam snapper fish with Lemon) ที่นึ่งจนเนื้อปลานุ่ม รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ ด้วยมะนาว ไก่ผัดเม็ดมะม่วง (Stir Fried chicken with cashew nut and dry chili) หมูผัดขิง (Stir pork with ginger) ที่ปรุงออกมาได้กำลังดี ไม่หนักมันจนเกินไป และแกงเขียวหวานไก่ (Green curry with chicken) ที่ทำได้รสชาติถูกปาก จะเลือกทานกับข้าวขาว ข้าวกล้อง หรือขนมจีนก็เข้ากันไปอีกแบบ นอกจากนี้ยังมีอาหารอินเดียให้เลือก ได้แก่ Aloo tikki ปรุงด้วยเครื่องเทศที่ไม่แรงจนเกินไปนัก และอาหารมังสวิรัติก็มีให้เลือก เช่น Aloo mutter (vegetarian) และ Yello dhal (Yellow lentil stew vegetarian) เป็นต้น

แวะมาที่โซนอาหารยุโรปกันบ้าง เริ่มจากของทานเล่นอย่างแฮมและชีสหลากชนิด ตามด้วยปลาแซลมอนรมควันตัวโต แล่ออกมาเป็นแผ่นบางๆ และเมนูผักอย่างชุดสลัด ที่มีให้เลือกหลายชนิด ด้านข้างจะเป็นกลุ่มขนมปัง ที่สามารถเลือกชนิดของขนมปังและแยมได้ตามต้องการ ต่อมาด้วยเมนูอุ่นเครื่องอีกชุดหนึ่ง เริ่มจากตระกูลมันฝรั่งได้แก่ Potato Croquette (vegetarian) และ Potato cream soup เนื่องจากพวกเรามัวแต่ถ่ายรูป ทิ้งไว้นานเลยไม่ค่อยร้อนเท่าที่ควร ตามต่อมาด้วย Pasta with oil and dried chili รสชาติกลมกล่อม ทานได้เรื่อยๆ และอาหารอีกหลายรายการ เช่น พิซซาแป้งบางกรอบ เมนูอร่อยประจำโรงแรมที่ไม่เคยผิดหวัง เลือกหน้าได้ตามใจชอบ Store Red Cabbage, Pork Tenderloin Medallions on light Calvados cream, Roasted Chicken และ Grilled fish Medallion with Lemon Butter

และแล้วก็มาถึง Highlight ของงาน ถือได้ว่าเป็นเมนูจัดหนักที่พวกเราพลาดไม่ได้ เริ่มจาก เนื้อวัวและแกะ (Roast Beef, Roast Lamb)ที่มากันเป็นขาๆ แล่ออกมาเป็นชิ้นบางๆ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบและน้ำเกรวี่ ความนุ่มอร่อยยังกลางๆ ตามต่อมาด้วย Seafood แช่ในถาดน้ำแข็ง ที่มีทั้ง กุ้ง หอยแมลงภู่ และหอยนางรมให้เลือกทานคู่กับน้ำจิ้มชนิดต่างๆ และเครื่องปรุงหลากหลาย หรือจะเลือกเป็น Seafood แนวปิ้งย่างที่นี่ก็สามารถทำให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น กุ้งแม่น้ำ ปู ปลากระพง แซลมอน หอยแมลงภู่ และ กั้ง ที่หาได้ค่อนข้างยากในบุฟเฟต์ทั่วไป เราเลยจัดเต็มสั่งมาทุกรายการ ความสดใหม่สำหรับอาหารโดยรวมถือว่ากลางๆ

ปิดท้ายกันด้วยของหวานที่มีให้เลือกหลากหลายทั้งเค้กชิ้น คัสตาร์ด และไอศกรีมพร้อม Topping พูดถึงขนมหวานก็อดไม่ได้ที่ต้องพูดถึงช็อกโลแลต ซึ่งที่นี่ยังคงทำออกมาได้แบบสอบผ่านทุกรายการไม่ว่าจะอยู่ในรูปของ เค้ก บราวนี่ มูส (Mousse) หรือ Chocolate Fondue ที่มากับ ผลไม้หลากหลายชนิด ได้แก่ องุ่น มะละกอ แคนตาลูป แต่พระเอกของงานนี้คือ สตรอเบอรี่ลูกโตๆ ด้วยรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ผสมกับช็อกโกแลตเข้มข้น นอกจากรายการเค้กและช็อกโกแลตแล้ว ที่นีี่ยังมีขนมไทยหลากหลาย เช่น ทับทิมกรอบ และผลไม้สดตามฤดูกาล ให้เลือกทานเล่นได้ตามชอบ ปิดท้ายมื้อด้วย ชาและกาแฟ ที่รวมอยู่ในราคาบุฟเฟต์

บุฟเฟต์ที่นี่มีอาหารให้เลือกหลากหลาย แม้ว่าคุณภาพวัตถุดิบและรสชาติอาจจะดูธรรมดาไปนิดสำหรับแฟนพันธุ์แท้บุฟเฟต์ทั้งหลาย แต่ถ้าเป็นการไปทานกันแบบครอบครัวแล้วก็ถือว่าคุ้มค่า รับรองว่าเด็กๆจะต้องถูกใจและเพลิดเพลินไปกับ Sunday Brunch Treats ของที่นี่แน่นอนค่ะ