Colonial Bistro : The Perfect Blend of Thai & Western Taste

รีวิวในวันนี้จัดมาตามคำแนะนำของแฟนคลับกิตติมศักดิ์ ที่บอกกับพวกเราว่าประทับใจบรรยากาศและการตกแต่งของร้านอาหารแห่งหนึ่งอย่างมากมาย ซึ่งพอดีกับที่ทีมงานทุกคนว่างพร้อมกัน เป็นเหตุให้เราได้แวะมาเยือน Colonial Bistro

Colonial Bistro
รสชาติ ที่ตั้ง: 167/2 Sathorn 7, South Sathorn Road, Bangkok, Thailand 10120
โทรศัพท์: 02-679-0799
เวลาเปิดทำการ: จันทร์-เสาร์ 11.00-22.00น.
Website: Colonial Bistro
คุณภาพวัตถุดิบ
สุขอนามัย
ความคุ้มค่าราคา
สถานที่

ร้าน Colonial Bistro ตั้งอยู่บริเวณสาทรซอย 7 หรือจะเข้ามาทางนราธิวาสซอย 5 ก็สะดวก ร้านตั้งอยู่ห่างจากปากซอยประมาณ 50 เมตร สามารถจอดรถไว้ในอาคารจอดรถใกล้ๆ ได้ เมื่อเรามาถึงที่ร้านก็ได้พบกับรรยากาศที่แปลกตาไปจากร้านอื่นๆ ที่เคยไปเยือนมาพอสมควร ตัวร้านสีขาวสวยงาม ตกแต่งในสไตล์ยุโรปแบบโคโลเนียล ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง การเลือกโต๊ะ เก้าอี้ แม้กระทั่งลายพื้นกระเบื้องก็ดูสวยงามลงตัวสมคำแนะนำของคุณแฟนคลับจริงๆ ชั้นบนของร้านมีที่นั่งสบายๆ กว้างขวาง และยังมีโซฟารูปตัวยู (U) ที่เหมาะให้คู่รักมาทานอาหารกันได้อย่างเป็นส่วนตัว

หลังจากที่สั่งอาหารและนั่งเล่นอินเตอร์เนทผ่าน Wifi ที่มีบริการให้ฟรีได้ไม่นาน เครื่องดื่มก็ทยอยมาเสิร์ฟ เปิดรายการด้วย Soda Lemon (85 บาท) และ Soda Lychee (85 บาท) หวานเย็นซ่าช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ส่วนอีกคู่หนึ่งเป็น Smoothie Mixed-Berry (85 บาท) สีม่วงอ่อนๆ และ Smoothie Lychee Strawberry (85 บาท) สีชมพูสดใสที่มีลิ้นจี่ลูกใหญ่วางอยู่ด้านบน เนื้อสมูตตี้ปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน หอมกลิ่นโยเกิร์ตสตอเบอรี เปรี้ยวนิดๆ ด้วยรสชาติของลิ้นจี่ ไม่ช้าไม่นานของทานเล่นก็เรียงคิวกันออกมาเสิร์ฟ เริ่มด้วยเมนูแนะนำของทางร้าน Monte Cristo (185 บาท) นั่นคือ แซนด์วิชไส้แฮม-ชีส และไก่ย่าง ทอดกรอบสไตล์อเมริกัน เสิร์ฟคู่กับแยมผลไม้ และไอซิ่ง ตัวแซนด์วิซกรอบนอกนุ่มใน รสชาติออกเค็ม โรยด้วยไอซิ่ง ทาบางๆ ด้วยแยมสตอเบอรี่หวานๆ ลองทานแล้วก็พบว่าทำออกมาได้เข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ ถัดมาเป็นปลาหมึกทอดสิมิลัน ('Similan' Fried Calamari Served with Special Garlic Mayo -150 บาท) มาพร้อมกับมายองเนสกระเทียม หอมกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพร และที่โดดเด่นคือใส่มะขามเปียกลงไปช่วยตัดกลิ่นคาวของไข่ดิบในมายองเนสด้วย ทั้งนี้เราอาจจะใช้เวลาถ่ายรูปอาหารจานนี้กันนานไปหน่อยจึงทำให้เจ้าปลาหมึกทอดไม่กรอบโดนใจพลพรรคคนรักหมึกชุปแป้งทอดนัก ไว้โอกาสหน้าต้องขอลองชิมกันใหม่แบบทอดออกจากกระทะร้อนๆ ตามติดมาด้วยออเดิร์ฟรายการที่สาม พล่าปูนิ่มทอดและรากบัว (Cryspy Soft Shell Crab and Fried Lotus Root in Spicy Salad Dressing-280 บาท) ที่ให้ปูนิ่มมาทั้งตัวใหญ่ๆ กันเลยทีเดียว ส่วนรสชาตินั้นออกจะเผ็ดไปหน่อยสำหรับคนทานเผ็ดไม่เก่งอย่างพวกเรา แต่ส่วนประกอบที่ทั้งแปลกใหม่และอร่อยนั้นคือรากบัวทอดที่ให้มาด้วย

เข้าสู่เวลาของอาหารจานหลัก เริ่มด้วยข้าวผัดสเปน (Valencia Paella -175 บาท) เสิร์ฟมาในกระทะเล็กๆ น่ารักน่าเอ็นดู จานนี้แตกต่างจากข้าวผัดสเปนต้นตำรับที่จะทำออกมาแบบน้ำชุ่มๆ แต่จานนี้ผัดมาแบบแห้งๆ แต่อร่อย ต้องขอบอกว่าถูกใจตรงข้าวนี่เอง เมล็ดข้าวเหนียวนุ่มหอมอร่อย เข้ากับอาหารทะเลได้เป็นอย่างดี จานถัดยังคงอยู่ที่อาหารลูกครึ่งฝรั่งปนไทยอย่าง ราวิโอลีครีมต้มยำ (Ravioli Tom Yam Cream - 220 บาท) แป้งราวิโอลีทำออกมาไม่แข็งจนเกินไป ไส้ผักโขมด้านในก็นุ่มนวล ราดด้วยครีมต้มยำที่ได้ความหอมมันของครีมมาผสมกัน ทานแล้วไม่ทำให้เลี่ยน ถูกใจกันไปอีกแบบ ต่อมาเป็นเมนูไก่ตุ๋นหนังกรอบ (Crispy Chicken with Rosemary - 295 บาท) ที่พวกเราประทับใจมาก เนื่องจากไก่ตุ๋นออกมารสชาติเข้มข้นกำลังดีอยู่ในตัวเนื้อไก่แบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม หนังไก่ก็กรอบสมชื่อเมนู โรยหน้าด้วยกระเทียมทอดที่ทำออกมารสชาติถูกใจคนรักกระเทียมมากมาย จบจากเมนูสไตล์ลูกครึ่งก็มาต่อกันด้วยแนวฝรั่งอย่าง สปาเกตตี้เส้นไวน์แดง (Colonial Red Wine Spaghetti with Serrrano ham and Bacon - 325 บาท) คลุกเคล้ากับแฮมและเบคอนรสชาติดี โรยหน้าด้วยชีส นับเป็นเมนูที่มีความพิเศษในตัว เป็นอีกหนึ่งเมนูที่จะต้องถูกอกถูกใจคนรักไวน์แดง ด้วยเส้นสปาเกตตี้ที่ลวกได้พอดี เวลาทานจะได้กลิ่นหอมอบอวลของไวน์แดงอ่อนๆ ปิดฉากอาหารจานหลักด้วย Signature dish ของวันนี้อย่างโคโลเนียลสเต็ก (Colonial Steak - 795 บาท) ที่ทางร้านบอกว่าใช้เนื้อวัวไทยนี่เอง แต่เป็นเนื้ออย่างดีที่มีไขมันแทรกอยู่ ทำมาแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ เนื้อหวาน ชุ่ม นุ่ม อร่อยได้ใจไปเต็มๆ เสิร์ฟมาคู่กับน้ำจิ้มสองชนิดทั้งแบบฝรั่ง และแจ่วแบบไทยที่ออกรสไปทางหวานๆ แต่เข้ากันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ระหว่างทานสเต็ก ทางร้านก็แนะนำเมนูสมูตตี้สูตรใหม่เนื่องจากเห็นพวกเราชอบรสชาติของไวน์แดงในสปาเกตตี้ คือ สมูตตี้ไวน์แดงเบอร์รี่ (125 บาท) และ สมูตตี้ไวน์ขาวลิ้นจี่ (125 บาท) ซึ่งเป็นเมนูใหม่เพิ่งพัฒนาขึ้นมาได้ไม่นาน และรสชาติก็อร่อยถูกใจจริงๆ ส่วนของไวน์แดงนั้นจะให้รสออกเปรี้ยว ขณะที่ไวน์ขาวนั้นเข้ากันดีกับลิ้นจี่ให้รสชาตินุ่มนวล

ปิดท้ายด้วยของหวาน ที่สั่งมาได้เพียง 2 รายการ เนื่องจากจัดอาหารจานหลักกันไปเยอะ เริ่มด้วย เครปแอปเปิลเชื่อมคาราเมล (Caramelized Apple with Ice Cream and Almond Slices-165 บาท) ที่แป้งเครปทำมาแบบฝรั่งเศสแท้ๆ ทานคู่กับไอศกรีมวานิลลาเย็นๆ และแอปเปิลเชื่อม ตามด้วย พายกล้วยหอมคาราเมล (Bella Banoffee-130 บาท) ที่ได้มาในถ้วยใสขนาดใหญ่กว่าปกติ ซึ่งทางร้านใจดีทำให้พิเศษ เนื่องจากเห็นพวกเราชอบถ่ายรูป เมนูนี้เนื้อพายกับกล้วยหอมรสชาติออกไปทางหวาน แต่ทานคู่กับ breadcrumb รสออกเค็มๆ ที่อยู่ด้านล่างแล้วทำให้รสชาติลงตัวเป็นอย่างดี น่าประทับใจทั้งบรรยากาศของร้านและรสชาติอาหารอย่างนี้ สำหรับใครที่ผ่านย่านสาทรก็ขอแนะนำให้มาลองชิมกันสักครั้งค่ะ



Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview
Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview
Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview
Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview
Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview
Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview
Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview
Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview
Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview Colonial Bistro Preview