Portabello ตั้งอยู่หน้าซอยสุขุมวิท 49/11 หรือจะเข้ามาทางซอยทองหล่อ 13 แล้วเลี้ยวขวาก็ไม่ผิดกติกา พวกเราทั้งสี่คนฝ่าขบวนรถติดมาถึงร้านเวลาประมาณเกือบห้าโมงเย็นพร้อมด้วยความหิว จึงขอจัดหนักกันสักหน่อย สอบถามได้ความว่าถึงเมนูแนะนำแล้วก็สั่งมาทันใด ระหว่างรออาหารพวกเราก็เก็บภาพบรรยากาศในร้านไปพลางๆ ในร้านตกแต่งด้วยข้าวของที่ทำให้นึกถึง Portobello Market ในกรุงลอนดอนขึ้นมาในทันใด โทนสีในร้านดูทันสมัยแต่ก็ใ้ห้บรรยากาศที่อบอุ่น แบบสบายๆ เหมือนอยู่ในห้องนั่งเล่น

ถ่ายรูปเล่นกันไม่นานเครื่องดื่มก็พร้อมเสิร์ฟ เริ่มจาก Sprite-Plum Soda (85 บาท) รสชาติเค็มของบ๊วยแบบอ่อนๆ ปนรสหวานซ่าของสไปรท์ ดับกระหายได้ดี ต่อด้วย Mocktail Fruit Punch (110 บาท) หวานเปรี้ยวชื่นใจ ช่วยเรียกน้ำย่อย อีกแล้วเป็น Apple Mint Shaker (110 บาท) ด้วยเติมความสดชื่น น้ำแอบเปิลปั่นกับเกล็ดน้ำแข็งอย่างละเอียด ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมินต์ และปิดท้ายด้วย Peach Cooler (110 บาท) แม้รสชาติจะจางไปนิด แต่รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมหวานของพีชเวลาดื่ม เราสั่งอาหารทานเล่นกันมาหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ ซุปทะเลในซอสมะเขือเทศและแซฟรอน (Bouillabaisse Seafood Soup - 240 บาท) หรือ ที่ได้กลิ่นหอมของแซฟรอนทันทีที่เปิดฝาถ้วยออก ตัวซุปนั้นไม่เหมือนกับสไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ ที่เคยทาน รสออกเปรี้ยวไปทางมะเขือเทศแต่ก็มีความกลมกล่อม อร่อยกันไปอีกแบบ กุ้ง หมึก หอย และปลาแซลมอนที่มาในซุปก็สด เมนูนี้มาพร้อมกับเจ้าขนมปังฝรั่งเศสอบเนยชิ้นเขื่อง ที่ทุกคนในโต๊ะต่างเกี่ยงกันในตอนแรก เพราะกลัวว่าจะตัดกำลังการชิมอาหาร แต่แล้วเมื่อได้ชิมไปคำแรกก็กลายเป็นว่าแย่งกันทานแทบจะไม่ยอมกัน เนื่องจากตัวขนมปังอบมาได้พอดี เนื้อตรงกลางชุ่มเนยนิดๆ ได้ความหอมนุ่มนวลมากๆ ทานคู่กับซุปแล้วอร่อยลงตัว จานต่อมาเป็น ขนมปังบูเชทตาแหนมและชีสรสจัด (Bruchetta Nahm Sprinkled with Spicy Cheese -175 บาท) ซึ่งรสชาติเข้ากันได้อย่างไม่คาดคิด ขอแนะนำสำหรับคนที่ชอบทานกับแกล้ม และชอบลองของแปลกใหม่

ถึงเวลาของจานหลักกันบ้าง เริ่มจาก สปาเก็ตตี้ผัดกะปิใส่กุ้งสด (Thai Pasta with Shrimp Paste, Prawns, Chili Sprinkled with Dries Shrimp - 260 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เราต้องยกนิ้วให้ ด้วยเส้นสปาเกตตี้เหนียวนุ่ม ที่มาพร้อมกุ้งสด และผักร็อกเกต ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากับกะปิและกุ้งแห้งป่นชั้นดี รสชาติเค็มหวานเข้ากันมากๆ ตามติดกันมาด้วย ไก่ย่างสไตล์โปรตุเกสหมักเครื่องเทศย่าง เสิร์ฟกับมันบด (Portugese Style Grilled Chicken with Mashed Potato - 420 บาท) รายการนี้แฟนประจำร้าน Nando's ไม่ควรพลาด ทั้งรสชาติและเครื่องเคียงนี่ต้องบอกว่าใช่เลย แถมด้วยรสที่จัดจ้านกว่าเล็กน้อย เข้ากับไก่อบที่ทำได้ดี แม้จะมีส่วนอกไก่ เนื้อก็นุ่มอร่อยไม่แห้ง แถมยังมีมันบดรสเยี่ยมด้วยเนยหอมๆ อันเป็นจุดเด่นของที่นี่ เป็นอีกเมนูที่ขอแนะนำ ผ่านกันไปหลายเมนูแต่พวกเรายังไม่สะทกสะท้าน เดินหน้าทานกันต่อไปกับเมนู หอยแมลงภู่อบไวน์ขาวและเบคอน เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งทอด (Creamy Mussels with Celeery and Smoky Bacon in White Wine Sauce Served with Fries -380 บาท) หอยแมลงภู่ของที่นี่จัดมาแบบตัวใหญ่อบในไวน์ขาว แล้วมาใส่ในครีมซอสกับเบคอนอีกที (ทำให้นึกถึง Belgo ขึ้นมาทันใด) ซึ่งส่วนที่ถูกอกถูกใจมากที่สุดของเมนูนี้คือเจ้ามันฝรั่งทอดชิ้นโตที่กรอบนอกนุ่มใน แถมมีเกล็ดเครื่องเทศเล็กๆ กรุบๆ โรยมารอบๆ เข้ากันได้อย่างลงตัว ต้องยกให้เป็นจุดเด่นของร้านสำหรับทุกเมนูที่ประกอบไปด้วยมันฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็นมันทอดหรือมันบดล้วนแล้วแต่อร่อยถูกปากพวกเราเป็นอันมาก

ทานอาหารแนวฝรั่งมาพอสมควรแล้ว ก็ขอมาที่แนวประยุกต์กันบ้าง เราสั่ง Char Grilled Tiger - Prawn Dressed with Kaprao Sauce Served with Rice (275 บาท) จานนี้ ให้กุ้งแม่น้ำมาตัวโตทำมาได้สุกพอดี เนื้อกุ้งยังเด้งๆ ส่วนปลาหมึกวงก็สดใช้ได้ ปรุงมาได้รสจัดจ้านสมเป็นกะเพราแบบไทย แต่อาจจะเผ็ดไปนิดสำหรับคนไม่ชอบทานเผ็นอย่างพวกเรา ต่อด้วยรายการสำหรับคนรักเนื้อ Char Grilled Rib-eye with Jaew Dressing Served with Pan Fried Sticky Rice (420 บาท) ที่ปรุงเนื้อออกมาได้กึ่งสุกกึ่งดิบกำลังดี เนื้อนุ่มอร่อย แต่ยังไม่หวานและมีมันติดเยอะไปนิด ส่วนข้าวจี่นั้นทำมาแข็งไปหน่อย อาจเป็นเพราะพวกเรามัวแต่ถ่ายรูปจนข้าวจี่เย็นไปแล้วก็เป็นได้ ปิดท้ายรายการวันนี้ด้วย Garlic Salmon with Thai Style Dill Omelette, Served with Rice (275 บาท) แม้แซลมอนจะทำมาสุกไปนิด แต่ทานคู่กับกระเทียมเจียวที่โรยมา และข้าวสวยร้อนๆ บวกด้วยไข่เจียวผักชีฝรั่ง ก็เข้ากันได้อย่างดี ถือว่าเป็นผสมผสานระหว่างอาหารไทยกับอาหารฝรั่งได้อย่างลงตัว

โดยรวมแล้วนับว่าร้านนี้อร่อยสมคำแนะนำของคุณแฟนคลับ ทั้งเมนูไทยและเทศ รวมถึงเมนูมันฝรั่งทุกชนิดที่ยังติดใจอยู่ไม่หาย ผู้อ่านท่านใดที่มีโอกาสได้ผ่านมาแถวๆ ทองหล่อ หรืออยากมาพบบรรยากาศที่ทำให้คิดถึงกรุงลอนดอนก็ขอแนะนำให้มาลองชิมกันสักครั้งค่ะ