ได้ยินข่าวแว่วมาว่ามีร้านซูชิคุณภาพดีเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน พวกเราก็ไม่ร้อช้า นัดกันออกมาชิมในทันใด นับเป็นโชคดีของเราที่เดินทางมาถึงร้าน Shori ที่คนไม่แน่นมาก ทำให้เรามีโอกาสเก็บภาพมาฝากทุกท่านได้อย่างจุใจ


Shori

รสชาติ		ที่ตั้ง: 299/5 อาคารสุขุมวิท ลิฟวิ่งทาวน์ ถ.อโศกมนตรี ข.คลองเตยเหนือ ข.วัฒนา กทม. 10110 โทรศัพท์: 02-169-1532 Website : Shori เรื่อง : MEVblog & TeenZ ภาพ : MEVblog & TeenZ
คุณภาพวัตถุดิบ
สุขอนามัย
ความคุ้มค่าราคา
สถานที่

ร้านShori Sushi House ตั้งอยู่ที่ คอนโดมิเนียม Sukhumvit Living Town ติดถนนอโศกมนตรี (สุขุมวิท 21) มีที่จอดรถสะดวกสบายให้สำหรับผู้ที่นำรถมาด้วย ตัวร้านตั้งอยู่ชั้นล่างสุดด้านหน้าของคอนโดฯ ตกแต่งด้วยกระจกสีเขียวใสรอบด้าน ภายในเป็นเพดานสูง ทำให้รู้สึกโปร่งๆ โล่งสบาย เสริมบรรยากาศให้เพลิดเพลินกับการรับประทานซูชิได้เป็นอย่างดี โคมไฟที่ประดับอยู่นั้นดัดแปลงมาจากขวดสาเก ทำให้ร้านดูสวยเก๋ขึ้นอีกไม่น้อย หากว่ามาช่วงกลางคืนคงได้บรรยากาศดีๆ ไปอีกแบบ เคาน์เตอร์ของสดสามารถมองเห็นได้จากทุกโต๊ะ ทำให้สามารถชมการทำงานของเชฟได้ตลอดเวลา

สั่งอาหารได้ไม่นานถั่ววาซาบิก็มาเสิร์ฟให้เป็นของทานเล่น ตามมาด้วยซุปร้อนๆ ที่รสเค็มจางๆ ซดได้คล่องคอที่มีไว้บริการฟรี ก่อนจะเปิดรายการด้วย Shori set C (350 บาท) ที่ประกอบด้วย ซูชิหกคำ ได้แก่ปลาทูน่าส่วนเนื้อแดง (akami) ปลาแซลมอน (sake) หอยเชลล์ (hotate) ปลาไหลญี่ปุ่น (unagi) ไข่กุ้ง* (tobiko) และ ปลากะพง (tai) นอกจากนี้ยังมี ข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาแซลมอน (sake maki)อีกหกคำและ ไข่หวาน (tamago) มาด้วย เมนูนี้ขอบอกว่าคุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ ซูชิทุกคำที่ได้นั้นสดใหม่ รสชาติเยี่ยมทุกคำ ยกเว้นเพียง ปลากะพง (tai) ที่อาจจะเหนียวไปบ้าง ทานคู่กับวาซาบิสดแท้คุณภาพดี แค่เปิดมาก็ได้ความประทับใจไปแล้ว นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกให้เชฟ ลนไฟเบาๆ (aburi) ที่ปลาหรือหอยเชลล์ได้ด้วย เมื่อเครื่องเริ่มร้อนเราก็เริ่มจัดหนักกับปลาชนิดพิเศษที่ทางเชฟแนะนำว่าเพิ่งมากันสดๆ เราจึงสั่งมาสามคู่ด้วยกัน ได้แก่ ครีบปลาตาเดียว (enkawa – 100 บาท) ที่ลนไฟมาได้กำลังพอเหมาะ เนื้อนุ่มลิ้นละลายในปาก รู้สึกถึงกลิ่นหอมเวลารับประทาน ทานคู่กับน้ำจิ้มพอนซึยิ่งได้รสชาติ ตามด้วย ปลากะพงแดง (madai – 150 บาท) และ ปลาตาเดียว (hirame – 130 บาท) ซึ่งไม่ได้มีอยู่ที่ร้านทุกวัน ถือว่าเป็นโชคดีของเราที่ได้มาทานสองเมนูนี้ซึ่งหาได้ไม่ง่ายนัก ส่วนรสชาตินั้นก็แน่นอน นุ่มละมุน และหอมหวานจริงๆ

แต่เรายังไม่จบเพียงเท่านี้ สั่งซูชิเซ็ทพิเศษ โชริ คราวน์ (Shori Crown – 3,000 บาท) ที่ทางร้านได้คิดค้นไว้ ซึ่งยังไม่ได้บรรจุลงในเมนูมาทดลองกันในวันนี้ นับเป็นเมนูไฮไลท์ที่หรูหราอลังการเป็นอย่างมาก ประกอบไปด้วยซูชิห้าชนิด ชนิดละสองคำ ที่ได้ยินแค่ชื่อวัตถุดิบก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นกับความพิเศษของเมนูนี้แล้ว ยิ่งเมื่อได้ลิ้มรสชาติความยอดเยี่ยมต้องยกให้เป็นเมนูที่สุดของที่สุดจริงๆ เริ่มจาก ตับห่าน (foie gras – 250 บาท) ที่ให้มาชิ้นใหญ่มาก กลิ่นหอมดี แต่ยังลนไฟมาน้อยไปนิด ทำให้ได้รสชาติยังไม่ถึงที่สุด ทางเชฟบอกว่าสามารถทำให้ได้ตามแบบที่ลูกค้าชอบ ขอเพียงให้บอก ตามติดมาด้วยไข่หอยเม่น (uni – 360 บาท) ของโปรดของทางทีมงาน ต้องขอบอกเลยว่าชิ้นใหญ่และสดจริงๆ ถัดมาเป็น ท้องปลาทูน่า (chu-toro – 250 บาท) ที่มาชิ้นใหญ่อีกเช่นเคย แต่สไลด์บางไปนิด เนื้อปลาสีชมพูแดง มันเยิ้มเป็นเงา ทานแล้วแทบละลายในปาก ต่อด้วย กุ้งโบตัน (botan ebi – 350 บาท ต่อตัว) ตัวใหญ่ เราได้ขอให้ทางร้านนำหัวกุ้งไปย่างมาให้ ขณะย่างกลิ่นหัวกุ้งหอมฟุ้งไปทั่วร้าน มันกุ้งหอมมันอร่อยจริงๆ ปิดท้ายด้วย เนื้อมัตซึซากะ (matsusaka – 320 บาท) ชิ้นโตที่กัดจนจมเขี้ยว กลิ่นหอม เนื้อนุ่ม รสหวานอร่อย ถึงแม้ว่าจะเริ่มอิ่มแล้ว เราก็ยังสามารถต่อกันได้ด้วย ข้าวหน้าปลาดิบรวมพิเศษ (chirashi don luxury – 390 บาท) ที่ทำออกมาหน้าตาสวยงามน่าทาน มีทั้ง sake, hotate, ikura, akami, anago, tamago, kani และ nama ebi (พอดีวันนั้น nama ebi หมด ทางร้านจึงให้ botan ebi มาแทน) ปิดท้ายของมื้อนี้ด้วยเมนูพิเศษที่คิดค้นขึ้นใหม่โดยเชฟสันติ จึงได้ชื่อว่า สันติ โรล (Santi Roll) เป็นโรลหนาๆ ก้อนโต มีข้าวอยู่ด้านนอกโรยด้วยงาและสาหร่าย ส่วนใส้ด้านในที่ยังดูไม่ออกว่าคืออะไรนั้น ทางร้านเฉลยว่าเป็น enkawa และ foie gras ตอนแรกก็ยังสงสัยว่าจะเข้ากันหรือไม่ แต่พอลองทานดูแล้วก็หายสงสัยในทันที ทุกอย่างเข้ากันดีอย่างเหลือเชื่อ ทั้งความหอมของงาและสาหร่ายที่โรยอยู่ด้านนอก และ foie gras กับ enkawa ที่อยู่ด้านในรวมถึงซอสที่ราดมา นับว่าเป็นเมนูใหม่ที่หาไม่ได้ที่ไหนและขอแนะนำให้ทุกท่านได้มีโอกาสทานเมนูนี้ ถึงแม้ชิ้นจะหนากว่าปกติและมีข้าวมากไปสักหน่อย แต่รสชาตินั้นควรค่าแก่การลองทานจริงๆ ทำให้มื้อนี้ของเราจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ กับร้านซูชิที่ร้านใหม่ที่ไม่ธรรมดา ราคาคุ้มค่ากับคุณภาพ ถ้ามีโอกาสต้องกลับไปอีกแน่นอน