เราเริ่มจากเมนูเครื่องดื่มเบาๆอย่าง ISO Iced Tea เปรี้ยวหวานซ่า ดื่มแล้วชื่นใจเป็นรายการอุ่นเครื่อง ส่วนรายการอาหารนั้น จัดวางไว้อย่างเป็นหมวดหมู่ ในรูปแบบของ Open Kitchen กล่าวคือสามารถเห็นบรรยากาศการปรุงอาหารสดๆ จากในครัว ซึ่งพวกเราก็แอบมองเข้าไป ความสะอาดของห้องครัวและอุปกรณ์การปรุงอาหารนั้นมั่นใจได้ นี้แล้วยังมีเคาน์เตอร์อาหารหลากหลายให้เลือกสรร

สลัดบาร์ (Salad Bar)
มุมนี้มีหลากหลายเมนู ให้เราเลือกตักได้อย่างจุใจ เริ่มด้วย สลัดมันฝรั่ง (Potato Salad) ที่ขอยกให้เป็นหนึ่งในเมนูแนะนำ เนื้อมันฝรั่งบดหยาบกำลังดีรสชาตินุ่มนวล เข้ากับน้ำสลัดรสเค็มมันเข้ากันดี ต่อด้วยอีกหนึ่งเมนูขาดไม่ได้สำหรับบุฟเฟต์ชั้นดีก็คือ พาร์มาแฮม เมลอน (Parma Ham Melon) ตามมาด้วย แซลมอนรมควัน (Smoked Salmon) รสชาติดีไม่แพ้บุฟเฟต์ที่อื่นๆ และ เทอรีนซีฟู๊ด (Seafood Terrrine) ที่มีเห็ดทรัฟเฟิลดำฝานบางๆ (Black Truffle Sliced) วางอยู่ด้านบนเพื่อเพิ่มความหรูหราและเพิ่มกลิ่นหอมเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมี โซนไข่กุ้งสีต่างๆและไข่ปลาแซลมอน ที่หอมรสชาติดี ทานคู่กับซอสที่ทางร้านจัดมายิ่งเข้ากัน ทั้งนี้ยังมีอีกหลายเมนูที่ชิมกันไม่หวาดไม่ไหว ได้แก่ สลัดกะหล่ำ (Cosleslaw Salad Vegetarian), พาสต้าสลัด (Pasta Salad), ซีซาร์สลัด (Ceasar Salad), และมันฝรั่งอบ (Baked Potatoes) ซึ่งขอนำมาสรุปเพิ่มไว้เป็นข้อมูลค่ะ

ขนมปังและชีส (Breads and Cheese)
มุมนี้มีขนมปังและชีสให้เลือกมากมายทั้ง Brie Cheese, Cheddar Cheese, Gruyere Cheese, Ethernal Cheese, Gouda Cheese, Edam Cheese และ Cream Cheese ชีสของที่นี่นำเข้ามาจากต่างประเทศทุกชนิด เสียดายว่าสามารถชิมได้ครบทุกชนิด ส่วนที่ได้ลองชิมได้แก่ Cheddar Cheese และ Brie Cheese ที่รสชาติสอบผ่านมีความหอมมัน ออกเค็มนิดๆ ทานเล่นได้เรื่อยๆ เลือกทานคู่กับแครกเกอร์ ที่เตรียมไว้ให้ หรือขนมปังฝรั่งเศสรูปทรงรี ขนาดกลางๆ ทานคู่กับเนยก็อร่อย แม้จะมีตัวเลือกให้น้อยไปนิด คือเนยชนิดจืด (unsalted) กับ มาการีนเท่านั้น

อาหารไทย
แม้ว่าอาหารไทยอาจจะไม่ดึงดูดใจสำหรับคนไทยอย่างเรา แต่เราก็ได้พบกับเมนูที่ไม่ธรรมดาที่อยากแนะนำ นั่นคือหมี่น้ำปาร์ค นายเลิศ (Baan Park Noodle Soup) ที่เป็นหนึ่งใน Signature Dish ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ด้วยสูตรลับที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ของเจ้าของโรงแรม โดยใช้หมี่กรอบในปริมาณที่พอเหมาะนำมาใส่น้ำซุปที่ปรุงรสด้วยผิวของส้มซ่า ทำให้ได้รสชาติเปรี้ยวหวานอร่อยลงตัวและแปลกใหม่ มีเพียงที่นี่เท่านั้น และเมื่อไม่นานนี้ก็ได้รับเลือกให้นำไปเสิร์ฟ บนชั้น First Class ของการบินไทยกันเลยทีเดียว ถัดไปเป็นเมนูข้าวตังหน้าไก่ (Fried Rice Cracker with Chicken) ทอดมากรอบๆ ทานคู่น้ำราดอุ่นๆ เข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม ตามมาด้วยทอดมันปลา (Fish Cake) ปรุงได้กำลังพอดีทั้งความจัดของรสและความนุ่มของเนื้อทอดมัน นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหมี่กรอบทรงเครื่อง (Crispy Rice Noodle with Shrimps), หมูทอดกระเทียม (Fried Pork with Garlic), บล็อคโคลี่ผัดน้ำมันหอย (Stir Fried Broccoli with Oyster Sauce), แกงเผ็ดหมูฟักทอง (Red Curry with Pork/Pumpkin), ข้าวผัดกุ้ง (Fried Rice with Shrimps), แกงเขียวหวานผัก (Vegetable in Green Curry), ต้มยำกุ้ง (Tom Yum Goong), สะเต๊ะรวม (Mixed Satay)

อาหารนานาชาติ
เริ่มด้วยมะเขือเทศสอดใส้ผัก (Tomato Stuffed with Ratatouille) ที่เรียกได้ว่าสอบผ่านด้วยมะเขือเทศนุ่มกำลังดี สอดไส้ด้วยผักรวม น่าจะได้ใจคนชอบมะเขือเทศไปเต็มๆ ต่อด้วยบะหมี่ผัดสิงคโปร์ (Singapore Fried Noodles) ความอร่อยอยู่ที่กุ้ง ที่มีความสดและกรอบมาก แม้ว่าปลาหมึกจะเหนียวไปหน่อย ตามมาด้วยพิซซ่า (Pizza) ที่มีให้เลือกหลากหลายหน้า ที่ได้ลองชิมได้แก่หน้ามาร์การิต้าและฮาวายเอียน พิซซาที่นี่แป้งบางกรอบถูกใจ เครื่องก็ให้เยอะ แต่เสียดายตรงที่ให้ชีสมาน้อยไปหน่อย แต่คนรักชีสทั้งหลายก็สามารถไปตักชีสจากมุมชีสมาใส่เพิ่มกันได้ นอกจากนี้ยังมีพิซซ่าหน้าผัดกระเพราให้เลือกอีกด้วย

อาหารญี่ปุ่น
มีทั้ง sushi และ sashimi หลากหลายรายการ ทั้งแซลมอน ทูน่า กุ้ง หนวดปลาหมึกยักษ์ และปูอัด วางอยู่บนน้ำแข็งก้อนแกะสลักรูปหัวใจขนาดใหญ่ช่วยรักษาความสดของปลาดิบ นอกจากนี้ยังมี Tempura ที่ทอดให้ดูกันสดๆ มีตั้งแต่กุ้งเนื้อแน่น เผือก หัวหอม พริกแดงหั่นฝอย แครอท ทอดเสร็จใหม่ๆ กรอบนอกนุ่มใน จนต้องตักเพิ่มเป็นจานที่สอง

Seafood
ประกอบไปด้วยอาหารทะเลสด เริ่มจากหอยนางรมสด (Oyster) ของที่นี่ตัวใหญ่มาก ใครชอบทานหอยนางรมคุณภาพดีในราคาที่คุ้มค่าก็ขอแนะนำให้มาทานที่นี่ และยังมี หอยแมลงภู่ (Mussel) ตัวโต ปู เนื้อขาวแน่น และ กุ้งให้รับประทานกันได้อย่างจุใจอีกด้วย ใครที่ชอบน้ำจิ้มซีฟู๊ดแบบไทยๆ ที่นี่ก็มีให้ครบ

อาหารปิ้งย่าง (Grill Bar)
มาถึงไฮไลท์ของงานอย่าง BBQ ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ วันนี้มีเมนูหลากหลายให้เลือกได้อย่างจุใจ ทั้งไส้กรอกลูกวัว (Veal Sausage) ที่ย่างออกมาได้สุกและนุ่มกำลังดี เนื้อไก่ (Chicken) ที่มาเป็นเนื้อสะโพกที่แสนจะถูกใจ ย่างให้สุกกำลังดี ทานกับน้ำจิ้มแจ่วได้เข้ากันอย่างเหมาะเจาะ เนื้อแกะ (Lamb) ที่หมักได้รสชาติดี แทบไม่มีกลิ่นแกะ ขาดแต่เนื้อนุ่มน้อยไปนิด ส่วน ปลาแซลมอน และคิงฟิช (Salmon and Kingfish) เนื้ออาจจะแห้งไปนิดสำหรับคนชอบทานปลาย่างฉ่ำๆ แบบเรา ปิดท้ายด้วย กุ้งแม่น้ำ (River Prawn) ตัวโตที่นับเป็นเมนูแนะนำที่พลาดไม่ได้สำหรับโซนนี้เลยทีเดียว นอกจากความสดที่ทำให้เนื้อกุ้งหวานอร่อยแล้วนั้น ยังย่างมาได้พอดีมากๆ สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือมันกุ้งเยิ้มๆ ที่หอมอร่อย จนต้องวนไปขอเพิ่มมาอีกหลายตัว ต้องขอบอกว่านอกจากวัตถุดิบมีคุณภาพแล้ว การย่างก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้เมนูเหล่านี้ออกมาดี ซึ่งที่นี่สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างก็คือการบริการของเชฟที่ Grill Bar ที่เห็นเราไปด้อมๆ มองๆ เลือกของที่ย่างไว้แล้วไม่ถูก เชฟบอกว่าสามารถเลือกของสดได้เองและจะย่างให้ใหม่พร้อมทั้งให้รายละเอียดเมนูต่างๆ แถมยังเสิร์ฟร้อนๆ ถึงโต๊ะ สร้างความประทับใจได้ไม่น้อย

มุมขนมเค้กและขนมหวาน (Dessert Treats)
รายการขนมที่นี่ละลานตามากมาย เริ่มจาก เค้กครีมชีส (Cream cheese) สีขาว เนื้อนุ่มละมุน รสหอมมันและไม่หวานจนเกินไป แต่งหน้าด้วยผลไม้ ทำออกมาได้อร่อยมากๆ จนเรายกให้เป็นเมนูแนะนำ ตามด้วย Almond Financier crust ทำออกมาได้ดีในแบบที่ชอบ รสชาติหอมหวานกำลังพอดี ตัดรสด้วยพันนาคอตต้าส้ม (Orange Panna Cotta) ที่รสอ่อนไปนิด เนื้อยังไม่มันและเข้มข้นเท่าที่ควร หันมาต่อด้วย เค้กใบเตย (Pandan Cake) เนื้อนุ่มๆ มีรสชาติใบเตยอ่อนๆ สำหรับคนชอบทานหวานและชอบกลิ่นใบเตยน่าจะถูกใจกับเมนูนี้ได้ไม่ยาก ตามด้วยของหวานแนวผลไม้อีกหนึ่งอย่างคือ Banana Crumble ทานคู่กับซอส เมนูนี้ถือว่าสอบผ่าน ถึงแม้ว่าซอสที่ราดจะออกหวานไปนิด ที่ขาดไม่ได้คือ Chocolate Cake ที่เนื้อเค้กไม่หนักและไม่เบาจนเกินไป ตัวช็อกโกแลตราดหน้ามาได้ชุ่ม ได้ใจสุดๆ แต่รสชาติออกจะหวานไปหน่อยเลยทานได้ไม่เยอะเท่าที่ควร นอกจากนี้ยังมี Red Jelly, Mocca Cake, Blackforest Roll, กลุ่มขนมไทย (Thai Pastries), Carrot Cake, Tiramisu Caramel Mousse, Opera Cake และ Caramel Custard

เครปและไอศกรีม (Crepe/Ice cream)
วันนี้มีไอศกรีมโฮมเมด (Homemade Ice Cream) 2 แบบให้เลือก คือ สตรอเบอรี่และวานิลา ส่วน Crepe Station ที่หมายมั่นปั้นมือตั้งแต่ตอนทานอาหารคาวว่าจะต้องสำรองพื้นที่ในท้องไว้สำหรับรายการนี้แน่ๆ แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เครปแผ่นบางๆ ที่ทำบนกระทะกันแบบสดใหม่ ราดท็อปปิ้งที่มีให้เลือกหลากหลาย ทานคู่กับไอศกรีมโฮมเมดของที่นี่ได้รสชาติดีเลยทีเดียว

ฟองดู (Foundant)
อีกหนึ่งมุมโปรดสำหรับวันนี้ ด้วย ช็อกโกแลตน้ำตก (Chocolate Fountain) ที่แสนเย้ายวนใจ บวกด้วย สตอเบอรี่สด ลูกโต รสหวานฉ่ำ ที่หาทานได้ยากเหลือเกินสำหรับฤดูร้อนเช่นนี้ พอทานแล้วก็ไม่ผิดหวัง สตรอเบอรี่ฉ่ำๆ ราดด้วยช็อกโกแลตเข้มข้น ที่ปั่นให้หนาได้ตามใจชอบ งานนี้แต่ละคนจัดสตรอเบอรี่กันไปคนละหลายลูกเลยทีเดียว เอามาทานคู่กับไอศกรีมก็อร่อยไม่แพ้กัน สำหรับเครื่องเคียงอื่นๆ ก็ไม่น้อยหน้า ไม่ว่าจะเป็นแคนตาลูปลูกกลมๆ รสชาติหวานเย็นชื่นใจ มาร์ชเมลโลขาวนวล แก้วมังกร และส้มจีน ที่ล้วนเคลือบช็อกโกแลตเยิ้มๆ ออกมาแล้วถือว่าสอบผ่านด้วยกันทั้งสิ้น

ปิดท้ายรายการด้วย รวมถึงผลไม้ตามฤดูกาล สร้างอิ่มอร่อยกันไปอีกหนึ่งมื้อกับความประทับใจ ทั้งอาหารไทยและเทศที่ไม่ธรรมดา แถมโดนใจไปเต็มๆ กับเมนูหมี่น้ำปาร์ค นายเลิศ หอยนางรมสดตัวใหญ่ และเมนูปิ้งย่าง อย่างกุ้งแม่น้ำตัวโตมันเยิ้ม โดยรวมแล้วนับว่าสอบผ่านแบบสบายๆ สำหรับราคาต่อคนที่ 799++ บาท ของ BBQ Dinner ที่ห้องอาหาร ISO โรงแรมสวิสโฮเต็ล นายเลิศ ปาร์คค่ะ